3. หลักการและเหตุผล
วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ก่อนปุริมพรรษา
(ปุริมพรรษา เริ่มตั้งแต่วันแรม
1 ค่ำ เดือน 8
ในปีที่ไม่มีอธิกมาสเป็นต้นไป ถึงวันที่ 15 ค่ำ เดือน 11 ) 1
วันเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปัญจวัคคีย์ ที่ป่า อิสิปตนมฤคทายวัน
แขวงเมืองพาราณสี ในปีแรกที่ทรงตรัสรู้
และเพราะผลของพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้เป็นเหตุให้ท่าน
พระโกณฑัญญะในจำนวนพระปัจจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้ธรรมจักษุ ( โสดาปัตติมรรค หรือ
โสดาปัตติมรรคญาณ คือ ญาณที่ทำให้สำเร็จเป็นโสดาบัน ) ควงตาเห็นธรรม คือ ปัญญา
รู้เห็นความจริงว่าสิ่งใดก็ตามมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดาแล้วขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระองค์
เป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกของพระพุทธศาสนา และทำให้พระรัตนตรัยครบองค์ 3 คือ พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์ ในวันนี้ของทุกๆปีเวียนมาถึงพุทธศาสนิกชน
จึงนิยมทำการบูชาเป็นพิเศษ และพุทธศาสนิกชนจึงนิยมทำการบูชาเป็นพิเศษ และพุทธศาสนิกชนในที่บางแห่ง
ยังตั้งชื่อวันอาสาฬหบูชานี้ว่า “วันพระสงฆ์”ก็มี อาสาฬหะคือ เดือน 8
อาสาฬหบูชา คือ การบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน 8
วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง
ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่
ณ ที่ใดที่หนึ่ง
ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน
ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น
หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า จำพรรษา (พรรษา แปลว่า
ฤดูฝน , จำ แปลว่า อยู่ )
พิธีเข้าพรรษานี้ถือเป็นศาสนพิธีสำหรับพระภิกษุโดยตรง ละเว้นไม่ได้
ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม เริ่มนับตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี
และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
หรือวันออกพรรษา
ในสมัยพุทธกาลนั้น
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์สาวกอยู่ประจำ
พรรษา เหล่าภิกษุสงฆ์จึงต่างพากันออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ต่างๆ
โดยไม่ย่อท้อ
ทั้งในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน
ต่อมาชาวบ้านได้พากันติเตียนว่า พวกสมณะไม่ยอมหยุดพักสัญจรแม้ในฤดูฝน
ในขณะที่นักบวชในศาสนาอื่น พากันหยุดเดินทางในช่วงฤดูฝน
การที่พระภิกษุสงฆ์จาริกไปในที่ต่างๆแม้ในฤดูฝน
อาจเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวบ้านได้รับความเสียหาย
หรืออาจไปเหยียบย่ำโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ออกหากินจนถึงแก่ความตาย เมื่อพระพุทธ
เจ้าทราบเรื่อง
จึงได้วางระเบียบให้ภิกษุสงฆ์ประจำอยู่ที่วัด
กองบริการการศึกษาตระหนักในความสำคัญของกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมมาโดยตลอดด้วยเชื่อมั่นว่าวัฒนธรรมอันดีงามจะช่วยปลูกฝังรากฐานอันดีงามของจิตใจ
ช่วยเสริมคุณค่าให้เจ้าหน้าที่เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพต่อไป
4.วัตถุประสงค์
1.เพื่อรณรงค์ให้บุคลากรของกองบริการการศึกษา
ได้ทราบถึงประวัติความเป็นมา และตระหนักถึงความสำคัญในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
2.เพื่อเสริมสร้างและปลูกฝังรากฐานอันดีงามรวมถึงจิตใจของบุคลากรกองบริการการศึกษา
โดยการตั้งจิตและร่วมใจกันนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
3.เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้บุคลากรกองบริการการศึกษา
ร่วมทำบุญถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
4.
เพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามของไทยและสืบทอดพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไป
5.ระยะเวลาจัดทำโครงการ
วันที่ 3 – 8 กรกฎาคม 2552
6.สถานที่ดำเนินโครงการ
กองบริการการศึกษา
7.วิธีดำเนินการ
1.จัดทำบอร์ดวิชาการเผยแพร่ความรู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
2.ประชาสัมพันธ์การจัดการกิจกรรมเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาให้บุคลากรของกอง
และเชิญชวนบุคลากรมหาวิทยาลัยรามคำแหงเข้าร่วมกิจกรรมในเว็บไซต์ของกองบริการการศึกษา
8.ผู้เข้าร่วมโครงการ
บุคลากรกองบริการการศึกษา จำนวน 25 คน
9.ผู้รับผิดชอบโครงการ
คณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาโครงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
กองบริการ
การศึกษา
10.งบประมาณ
จำนวน 2000 บาท
11.ผลที่คาดว่าจะได้รับ
บุคลากรของกองบริการการศึกษา
ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา การตระหนักถึงความสำคัญทางพระพุทธศาสนา
โดยร่วมกันเผยแพร่และทำกิจกรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนที่ควรปฏิบัติในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา